เที่ยว อ.เมือง (ไทย) ไม่ได้มีแค่ศาลากลาง

วันที่ : 2025.09.24

 

เราเป็นนักท่องเที่ยว ว่างเมื่อไหร่ต้องเก็บกระเป๋า เติมน้ำมัน พร้อมเดินทาง แต่สถานที่ที่เราไป (ส่วนใหญ่) ก็จะเป็น อำเภอเมืองที่ทุกๆคนมักจะมองข้าม หรือเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น

ความน่ารักของ อำเภอเมืองของแต่ละจังหวัด คือ ผู้คน ชาวบ้านที่น่ารัก เป็นกันเองและใจดี ที่เราพบทุกจังหวัดที่เราได้ไปเยือน โพสนี้เราเลยอยากแนะนำว่า ก่อนที่จะขับรถมุ่งหน้าไป อำเภอท่องเที่ยว อยากให้ลองแวะ อำเภอเมืองสักคืน ก็อาจจะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆของคุณก็ได้

บรรยากาศตอนเช้า คึกคักมาก เหมือนคนทุกคนในจังหวัดอุทัยมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะคนจะเยอะมากๆ ในเช้าวันเสาร์
ตลาดมีขายของเยอะมากทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารต่างๆ ละลานตา

แต่เดิมศาลหลักเมือง อยู่ที่ วัดหัวเมือง อ.อุทัยเก่า อ.หนองฉาง ซึ่งบรรยากาศในวัดเงียบมาก ไม่มีใครไปเยี่ยมชมสักเท่าไหร่ ก็เลยย้ายมาในตัวเมืองอุทัยธานีแทน (บริเวณหน้าศาลากลางจ.อุทัยธานี ปัจจุบัน)

วิหารแก้ว วัดท่าซุง ถือเป็นจุดไฮไลต์สำคัญของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม บริเวณด้านในประดับด้วยโมเสก คล้ายแก้วที่มีความระยิบระยับ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลองและโลงแก้วของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ถนนคนเดินตรอกโรงยา ที่ใครมาอุทัยธานีก็ต้องมา มีของกิน ของใช้ ขายเยอะมาก ความยาวทั้งซอยประมาณ 130-150 เมตร เดินเพลินแน่นอน

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองราชบุรี ตั้งขึ้นมาครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้มีการสร้างและโยกย้ายไปหลายที่หลายแห่ง ในปัจจุบันนั้น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ก็ยังคงอยู่ในบริเวณของกำแพงเมืองเก่า หลังจากนั้นกรมศิลปากรก็ได้มีการออกแบสร้างศาลขึ้นมาใหม่ ในปี พ.ศ.2527 เป็นแบบอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

เขางู หรือ อุทยานหินเขางู ตั้งอยู่บริเวณแหล่งภูเขาหินปูน ในสวนสาธารณะเขางู จังหวัดราชบุรี แต่เดิมที่แห่งนี้เป็นแหล่งระเบิด และย่อยหินที่สำคัญของประเทศ แต่พอภูมิประเทศเสื่อมโทรมลงก็ไม่มีการระเบิดอีก และปรับปรุงมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแทน

สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแม่กลองที่ก่อสร้างอยู่จะเป็นสะพานรถไฟคานขึงที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2444 ปัจจุบันมีการสร้างรถไฟรางคุ่ ที่เป็นสะพานคานขึง (Extradose Bridge) คือ การผสมระหว่างสะพานขึงและสะพานคอนกรีตใช้สายเคเบิลในการช่วยรับแรง

"ท่าน้ำนนท์" เป็นท่าเรือต้นทางของเรือด่วนเจ้าพระยา เพราะเป็นท่าจุดจอดเรือทุกสายในฝั่งนนทบุรี และบริเวณท่าน้ำก็มีตลาด และ ชุมชน เก่าแก่ ที่สำคัญยังเป็นแหล่งของกินอร่อยๆ เก่าแก่ มีรางวัลการันตีมากมาย

พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์  มีทั้งหมด 3 อาคาร ได้แก่ อาคาร 1 -แสดงความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์, อาคาร 2 (ชั้น1) - แสดงเกี่ยวกับประวัติการลงทัณฑ์ของไทยตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน และครื่องมือการลงทัณฑ์ ส่วนชั้น 2 แสดงถึงเรื่องราวการคุก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อาคารสุดท้ายก็จะเป็นหับเผย จำหน่ายผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ โดยฝีมือผู้ต้องขัง

พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี อยู่ที่ท่าน้ำนนท์ ใช้ศาลากลางเก่าของนนทบุรีมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตัวอาคารก็เก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2453 และพิพิธภัณฑ์มี 2 ชั้น คือ ชั้น 1 จัดแสดงประวัติความเป็นมาของจ.นนทบุรี ส่วนชั้น 2 จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผานนทบุรี

ตลาดร่มหุบตั้งอยู่ริมรางรถไฟสายแม่กลองซึ่งรถไฟสายแม่กลองเป็นเส้นทางรถไฟที่ให้บริการมานานนับ 100 ปี โดยเริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี 2444 ปัจจุบันเมื่อเส้นทางคมนาคมขนส่งทางถนนพัฒนาขึ้นจึงทำให้การเดินทางโดยถนนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแทนการเดินทางโดยรถไฟ ทำให้การให้บริการรถไฟสายนี้มีปริมาณลดลงเหลือเพียง 4 เที่ยวต่อวัน

ศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสงครามค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับศาลหลักเมืองในหลายๆจังหวัด เพราะเพิ่งวางศิลาฤกษ์สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2517 ทั้งๆที่เมืองแม่กลองมีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นร้อยๆปี

วัดเพชรสมุทรวรวิหารซึ่งเป็นหนึ่งในวัดสำคัญของแม่กลอง ภายในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อบ้านแหลม พระพุทธรูปสำคัญที่เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวสมุทรสงคราม

ตลาดมหาชัยขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล ทั้งสดและแห้ง เพียงแค่ออกจากสถานีมาก็เดินเลือกซื้อได้เลย แต่อาหารสดจะเก็บกันช่วงบ่ายแก่ๆ ส่วนอาหารแห้งก็สามารถซื้อได้ถึงช่วงเย็นๆ

เสาหลักเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเสาหลักเมืองที่สูงที่สุดในประเทศไทย

ด้านหน้าของศาลหลักเมืองจะเป็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองหรือเจ้าพ่อวิเชียรโชติ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทีชาวมหาชัยให้ความเคารพนับถือ ชาวประมงที่จะออกเรือไปหาปลาจะต้องมาทำพิธีสักการะบูชาและจุดประทัดที่หน้าศาลนี้

วัดโกรกกราก มีพระพุทธรูปเรียกว่า “องค์หลวงพ่อปู่” ใส่แว่นตาดำ ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า เป็นช่วงที่เกิดโรคตาแดงระบาดไปทั่วบ้านโกรกกราก ชาวบ้านมาบนว่าถ้าตาแดงหายจะนำทองมาปิดที่ตาองค์หลวงพ่อปู่ ปรากฏว่าตาแดงหายชาวบ้านจึงนำทองมาปิดที่ตาหลวงพ่อปู่เต็มไปหมด หลวงปู่กรับจึงออกอุบายว่าให้เอาแว่นตามาสวมให้องค์หลวงพ่อปู่ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเอาทองมาปิด จึงเป็นพระพุทธรูปใส่แว่นตาจนทุกวันนี้

ถ้ำเขาหลวง จุดไฮไลท์ คือ ถ้ำโถงขนาดใหญ่ ที่มีปล่องขนาดใหญ่และยาวที่สุดของถ้ำ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาจะเป็นแสงธรรมชาติเป็นลำแสงที่สวยงามมาก แนะนำให้มาช่วงเวลา 10.00-12.00 น. และภาพนี้ผู้คนก็นิยามเผยแพร่คู่กับองค์ "หลวงพ่อถ้ำหลวง" หรือ "หลวงพ่อหลวง" ที่เป็นองค์ประธานของถ้้ำเขาหลวงนี้

พระรามราชนิเวศน์ หรือ วังบ้านปืน เป็นพระราชวังที่ 2 ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ให้สร้างต่อเสร็จในปี พ.ศ.2469 และได้พระราชทานนามว่า “พระรามราชนิเวศน์”

ชุมชนวัดเกาะ เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีเรื่องราวมากมาย ทั้งวัฒนธรรมไทย-จีน ที่จะพบได้ในชุมชนแห่งนี้ผ่านวัดวาอาราม ศาลเจ้า โรงเจ รวมไปถึงบ้านเรือนเก่าที่ยังปรากฎให้เห็นอยู่บ้าง แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมโบราณในหลายยุคหลายสมัย

ระหว่างเดินเล่นในชุมชนจะพบกับภาพ Street Art ฝีมือศิลปิน ชาวเพชรบุรีที่กลายเป็นจุดถ่ายรูปสวย ตลอดทาง และเป็น Art ใหม่ สีสันสดใส น่ารักหลายจุด

"สะพานสราญวิถี" เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา คำว่า "สราญวิถี" หมายถึง สะพานแห่งความสุข
เดิมที่สะพานสราญวิถี เป็นสะพานปลาประจวบ และยกเลือกและปรับปรุงใหม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของตัวเมืองประจวบฯ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ จะเป็นการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลายสายพันธุ์ทั้งน้ำจีด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม ตามระบบนิเวศน์ตามจริง และพื้นที่ของอาคารจัดแสดง มีขนาดถึง 3,600 ตร.ม. จัดแสดงถึง 6 โซนด้วยกัน คือ โซนอัศจรรย์โลกสีคราม, โซนจากขุนเขาสู่สายน้ำ, โซนสีสันแห่งท้องทะเล, โซนเปิดโลกใต้ทะเล, โซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, และโซนกิจกรรมปฎิบัติการ

อาณาเขตย่านเมืองเก่าสงขลากินพื้นที่ตั้งแต่ถนนนครใน ไปจนถึงถนนไทรบุรี เคยมีแนวกำแพงเมืองและประตูเมืองล้อมรอบ แต่ปัจจุบันเราว่าถนนที่คนนิยมมาเดินเที่ยวจะกินพื้นที่ตั้งแต่ถนนนครในจนถึงถนนนางงาม

ความสนุกอย่างหนึ่งคือการเดินตามหาสตรีทอาร์ทสวยๆที่มีอยู่ทั่วไปบนถนนสามสายนี้ บางภาพวาดขึ้นใหม่แต่ก็มีหลายภาพเช่นกันที่ซีดจางไปตามกาลเวลา แทบจะทุกภาพสะท้อนภาพของวิถีชีวิตท้องถิ่นเช่น พ่อค้าชาวจีน อาหารพื้นบ้าน หรือชาวประมง

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา สร้างเป็นแบบเก๋งจีน ภายในนอกจะมีเสาหลักเมือง ซึ่งเป็นความเชื่อแบบพราหมณ์แล้ว ยังมีเททพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ตามคติจีนรวมอยู่ด้วย

จุดเด่นอีกอย่างในย่านเมืองเก่าสงขลาคือ หับ โห้ หิ้น หรืออารคารสีแดงอายุร้อยกว่าปี ที่นี่เป็นโรงสีข้าวที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2457  ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ความเจริญของที่นี่ก็เปลี่ยนไป โรงสีหับ โห้ หิ้นเลยปิดตัวลงและทายาทเปลี่ยนที่นี่เป็นท่าเรือประมงขนาดใหญ่ จนกลายมาเป็นที่ท่องเที่ยวอย่างในปัจจุบัน

ศาลหลักเมืองยะลาเป็นอาคารจตุรมุข ภายในประดิษฐานเสาหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ กรมป่าไม้ จัดมาจากป่าเมืองกาญจบุรี
เสาหลักเมืองเป็นแท่งกลม สูง 1.25 เมตร ด้านบนเป็นรูปพรหมพักตร์และเปลวไฟ ออกแบบโดยศิลปากร

เมืองเก่ายะลา ซึ่งคำว่า "ยะลา" มาจากคำพื้นเมืองเดิมว่า "ยะลอ" ซึ่งแปลว่า "แห" ซึ่งถ้าดูจากใน Google Map จะเห็นได้ว่า ผังเมืองของ อ.เมืองยะลา จะเป็นร่างแห เหมือนใยแมงมุม

เดินมาด้านในตลาดสด จะเจอตึกโรงหนังเก่า "PATA พาต้า" ซึ่งเป็นโรงหนังใหญ่สุดในยะลา ซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงที่เป็นที่นิยมที่สุดของชาวยะลาสมัยก่อน

นอกจากแหล่งท่องเที่ยวแต่ละจังหวัดแล้ว อยากให้ลองมาเที่ยวในตัวเมือง (อ.เมือง) กันสักคืน เพราะตัวเมือง สภาพแวดล้อมก็สามารถเล่าเรื่องราวของจังหวัดนี้ได้ดี อีกทั้งชาวบ้าน ก็น่ารักมากๆด้วย